เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ที่หน้ากองปราบปราม ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ท่ามกลางสายฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง “จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่” อดีต สห.ทอ. ได้นำ นางทิพย์พเกษร ข้าราชการครูชำนาญการ จากโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี พร้อมผู้นำชุมชน ชาวบ้าน และผู้ปกครองนักเรียนหญิงชั้น ม.2 อีกสองราย เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีทุจริตภายในโรงเรียนดังกล่าว
ครูสาวเปิดใจ แฉทุจริตโรงเรียนดัง ถูกข่มขู่หนัก
นางทิพย์พเกษร เปิดเผยว่า ตนตัดสินใจออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมหลังพบว่ามีการทุจริตและประพฤติมิชอบของบุคลากรในโรงเรียน แต่กลับถูกข่มขู่คุกคาม และยังมีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายนักเรียนเกิดขึ้นในโรงเรียน ทว่ากลับไม่มีการเปิดเผยหรือตรวจสอบอย่างจริงจัง ตนและชาวบ้านจึงร่วมกันทำหนังสือร้องเรียนถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 ตั้งแต่เดือนตุลาคมและพฤศจิกายน 2567 แต่เรื่องกลับไม่มีความคืบหน้า
“นอกจากนี้ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ดิฉันยังถูกผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวหาว่าร้องเรียนเท็จ และข่มขู่ว่าหากไปร้องเรียนที่อื่นอีก จะถูกเล่นงานถึงขั้นให้ออกจากราชการ” นางทิพย์พเกษรกล่าวทั้งน้ำตา
ต่อมา วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 นางทิพย์พเกษรได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ราชบุรี กระทั่งวันที่ 4 มีนาคม 2568 ผู้อำนวยการเขตฯ ได้มีคำสั่งย้ายเธอไปช่วยราชการที่โรงเรียนแห่งใหม่ชั่วคราว พร้อมให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อที่ประชุม อนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขต 1
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสถานศึกษาและคณะครูของโรงเรียนดังกล่าว มีมติให้เธอกลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่โรงเรียนเดิมในวันที่ 18 มีนาคม 2568 แต่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ป.ป.ช. ราชบุรี แจ้งผลการพิจารณาว่าพบมูลความผิดตามที่ร้องเรียนจริง และส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัย ทว่า ผอ.เขตฯ กลับยังไม่อนุญาตให้เธอกลับไปทำงานที่เดิมโดยไม่มีการชี้แจงเหตุผล
นางทิพย์พเกษรกล่าวด้วยความอัดอั้นว่า เธอรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งที่สิ่งที่ร้องเรียนเป็นเรื่องของการทุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการถูกย้ายโดยไม่สมัครใจ ต้องเดินทางไกลขึ้น มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และรู้สึกอับอายจนส่งผลกระทบต่อจิตใจ ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล อีกทั้งยังถูกข่มขู่จนรู้สึกไม่ปลอดภัย
“สิ่งที่ดิฉันกังวลมากคือ ทราบมาว่ามีนักเรียนถูกทำร้ายร่างกายในโรงเรียน ผู้ปกครองก็ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับครูผู้กระทำ แต่เรื่องกลับเงียบ ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ดิฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นความไม่ถูกต้องเหล่านี้” เธอกล่าว
ด้วยเหตุนี้ นางทิพย์พเกษร พร้อมผู้ปกครองนักเรียน จึงเดินทางมายื่นเรื่องต่อ บก.ปปป. เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและการข่มขู่คุกคาม รวมถึงขอความคุ้มครองความปลอดภัย และอยากให้มีการสอบสวนกรณีทำร้ายร่างกายนักเรียนด้วย
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ร้องเรียนได้นำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ มามอบให้กับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อประกอบการดำเนินการตามกฎหมาย
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนแจ้งว่าขณะนี้ยังติดรับแจ้งความรายอื่นอยู่ จึงขอให้ผู้เสียหายรอและจะนัดสอบปากคำในช่วงบ่าย เพื่อนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป